Feature

ลงทุนเพื่ออนาคต : "เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ" จากดาวรุ่งแววดี สู่แข้งค่าตัวร้อยล้าน | Main Stand

ย้อนกลับไปเมื่อวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายเดือนมกราคม 2023 หนึ่งในดีลที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้น เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ที่ เชลซี ทุ่มทุนสูงถึง 120 ล้านยูโร หรือ 106.8 ล้านปอนด์ กลายเป็นผู้เล่นที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในตลาดครั้งนั้น 

 

Main Stand ขอนำเสนอเรื่องราวของนักเตะเจ้าของสถิติค่าตัวแพงที่สุดของพรีเมียร์ลีก

 

ชีวิตที่หลงใหลในฟุตบอล

เอ็นโซ่ เฮเรมิอาส เฟร์นานเดซ เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2001 ที่ย่านซานมาร์ติน ในกรุงบัวโนสไอเรส มีพี่น้องอีก 4 คน ได้แก่ เซบา, โรดรี้, มักซี่ และ กอนซ่า โดย เอ็นโซ่ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 5 ขวบ กับสโมสรในท้องถิ่นอย่าง คลับ ลา เรโคว่า ก่อนที่ต่อมาเขาจะได้เข้าร่วมศูนย์ฝึกเยาวชนของ ริเวอร์เพลท ตอนอายุประมาณ 5 ขวบ 

จากนั้นเขาก็พัฒนาฝีเท้าขึ้นไปเรื่อย ๆ จนได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2019 จากการให้โอกาสของ มาร์เซโล่ กายาร์โด้ เป็นเกมที่ ริเวอร์เพลท แพ้ต่อ แอลเดอู กีโต้ 0-3 ในศึกโกปา ลิเบอตาโดเรส 

แม้ว่าตอนนั้นเขาจะได้โอกาสลงเล่นอยู่บ้าง แต่ผู้จัดการทีมอย่าง มาร์เซโล่ กายาร์โด้ ได้แนะนำให้เขาออกไปยืมตัวเพื่อเก็บประสบการณ์ ซึ่งเขาก็ได้ย้ายไปอยู่กับ ดีเฟนซ่า อี จัสติเซีย แบบยืมตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2020 และที่สโมสรแห่งนี้เขาได้เจอกับตำนานกองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินาอย่าง เอร์นาน เครสโป ที่เป็นกุนซือของทีมอยู่ในเวลานั้น โดยเขาได้โอกาสลงเล่นกับดีเฟนซ่าไปทั้งสิ้น 14 นัด ส่วนฟอร์มการเล่นถือว่าทำผลงานได้ดี จนทำให้ริเวอร์เพลทอยากดึงกลับมาใช้งานในอนาคต 

หลังหมดสัญญายืมตัว เอ็นโซ่ก็กลับมาที่ริเวอร์เพลทอีกครั้งตามคำเรียกร้องของ มาร์เซโล่ กายาร์โด้ และในครั้งนี้เขาได้โอกาสมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมาทำประตูแรกได้สำเร็จในเกมที่เอาชนะ เวลเลซ ซาร์สฟิลด์ 2-0 แถมนัดนั้นเขายังทำแอสซิสต์ได้อีกด้วย ก่อนที่ในเดือนธันวาคม ปี 2021 เขาจะต่อสัญญาใหม่กับริเวอร์เพลทยาวถึงปี 2025 และนับตั้งแต่ต่อสัญญาใหม่ เอ็นโซ่ก็ยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองได้อย่างน่าเซอร์ไพรส์ด้วยการทำไป 8 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 19 นัด ทำให้เขาเริ่มได้รับความสนใจจากหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป 

 

ค้าแข้งในยุโรปครั้งแรก

ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2022 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เริ่มเป็นที่ต้องการของสโมสรระดับท็อปแล้ว ซึ่งสุดท้ายก็เป็น เบนฟิก้า ที่บรรลุข้อตกลงกับ ริเวอร์เพลท คว้าตัวไปได้สำเร็จด้วยค่าตัวประมาณ 10 ล้านยูโร + โบนัสอีก 8 ล้านยูโร และมีเงื่อนไขที่ริเวอร์เพลทจะได้ส่วนแบ่ง 25% ของค่าตัวการย้ายทีมในอนาคตด้วย แต่นักเตะยังต้องลงเล่นไปจนถึงจบศึกโกปา ลิเบอตาโดเรส เสียก่อน จนกระทั่งกลางเดือนกรกฎาคม เบนฟิก้าก็ประกาศเปิดตัว เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ อย่างเป็นทางการ

เขาได้โอกาสประเดิมสนามให้กับเบนฟิก้า ในวันที่ 2 สิงหาคม เป็นเกมที่ชนะ มิดทิลลันด์ 4-1 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือก รอบที่ 3 เลกแรก ซึ่งเขาสามารถทำประตูได้ในเกมนัดดังกล่าว จากนั้นเขาก็ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องและโชว์ฟอร์มออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ส่งผลให้เขาได้รับเลือกให้เป็นกองกลางยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมร่า ลีกา โปรตุเกส ทั้งในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน และจากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมทำให้ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เริ่มกลายเป็นเป้าหมายการเสริมของทีมอื่น ๆ ในยุโรป

 

แจ้งเกิดเต็มตัวกับทัพ "ฟ้าขาว"

เมื่อช่วงปี 2019 เอ็นโซ่ได้ลงเล่นรับใช้ทีมชาติอาร์เจนตินาชุดเยาวชนทั้งในชุด U-18 และชุด U-20 หลังจากนั้นอีก 2 ปีด้วยฟอร์มการเล่นในระดับสโมสรที่ดูเข้าตามาก ๆ ก็ทำให้ ลิโอเนล สกาโลนี่ กุนซือทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่ เรียกตัวเขาเข้าสู่ทีมเพื่อเตรียมทำศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ซึ่งเขาได้ประเดิมสนามให้กับทัพ "ฟ้าขาว" เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2022 โดยลงมาเป็นสำรองในเกมที่ชนะ ฮอนดูรัส 3-0 และเขาก็ประเดิมประตูแรกได้ในเกมที่ชนะ เม็กซิโก 2-0 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 

และเมื่อถึงช่วงฟุตบอลโลก 2022 ทาง ลิโอเนล สกาโลนี่ ก็ได้เรียก เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ติดทีมมาด้วย โดยในช่วงรอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก เอ็นโซ่มีชื่อเป็นแค่ตัวสำรอง จากนั้นเขาก็ได้ลงเล่นในช่วงครึ่งหลังแต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ก่อนทัพ "ฟ้าขาว" พลาดท่าแพ้ต่อ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 

จากนั้นอาร์เจนตินามีการเปลี่ยนแปลงขุมกำลังในแดนกลางใหม่ และใช้ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เป็น 1 ใน 11 ตัวจริง ซึ่งพอได้โอกาสลงตัวจริง เขาก็โชว์ฟอร์มเก่งออกมาทันที จนมีส่วนช่วยให้ทีมชาติอาร์เจนตินาผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้สำเร็จ ต่อด้วยรอบ 8 ทีมสุดท้าย และทะลุไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศที่พบกับ ฝรั่งเศส 

โดยนัดนั้น เอ็นโซ่ยังคงได้ลงเล่นเป็นตัวจริงอยู่ ท้ายที่สุดแล้ว อาร์เจนตินา เอาชนะการดวลจุดโทษต่อ ฝรั่งเศส ไปได้ 4-2 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ไปครองได้อย่างเหนือความคาดหมายของใครหลาย ๆ คน ส่วนตัวของเอ็นโซ่ก็คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ไปครอง

 

ย้ายสู่ถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์

หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2022 ก็เข้าสู่ช่วงของตลาดการซื้อขายนักเตะในเดือนมกราคม 2023 ซึ่งชื่อของ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ก็เป็นที่พูดถึงในทันที โดยมีหลายสโมสรกำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และ เชลซี

แต่การจะซื้อ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ณ ตอนนั้นถือว่าไม่ง่าย เพราะ รุย คอสต้า อดีตนักเตะชื่อดังที่ปัจจุบันเป็นประธานสโมสรเบนฟิก้า ได้แจ้งกับทุกสโมสรว่า ถ้าจะซื้อเอ็นโซ่ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญา 120 ล้านยูโรเท่านั้น พอทราบถึงตัวเลขในดีลของ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ก็ทำให้หลายสโมสรที่สนใจต่างล่าถอยกันออกไป เหลือเพียงแค่ เชลซี ที่ดูจะจริงจังกับนักเตะมากที่สุด

โดยในช่วงท้ายของตลาดเดือนมกราคม เชลซีเริ่มใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นด้วยการส่ง เบห์ดัด เอ็กบาลี่ เจ้าของร่วมเชลซีให้ไปทำหน้าที่เจรจากับ รุย คอสต้า เพื่อหาข้อตกลงให้ทันก่อนปิดตลาด ขณะที่ตัวของ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ก็อยากจะย้ายไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกเหมือนกันและแสดงความต้องการอย่างจริงจังต่อ รุย คอสต้า 

จนสุดท้ายเขาก็ได้ย้ายมาอยู่กับเชลซีด้วยค่าตัวที่มหาศาลถึง 120 ล้านยูโร หรือ 106.8 ล้านปอนด์ กลายเป็นผู้เล่นที่แพงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก แซงหน้า แจ็ค กรีลิช (100 ล้านปอนด์), เป็นผู้เล่นอาร์เจนตินาที่แพงสุดตลอดกาลแซงหน้า กอนซาโล่ อิกวาอิน (75.6 ล้านปอนด์) และเป็นผู้เล่นที่แพงสุดของเชลซี แซงหน้า โรเมลู ลูกากู (97.5 ล้านปอนด์)

การย้ายมาในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เอ็นโซ่ เฟร์นาเดซ เป็นการย้ายมาทดแทน จอร์จินโญ่ ที่ย้ายไปอยู่กับ อาร์เซนอล ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งพอเขาย้ายมาก็ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวหลักทันที ถึงแม้ว่าในช่วงนี้ฟอร์มการเล่นของเขาจะยังไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก แต่อย่างน้อยแฟนเชลซีก็เริ่มเห็นถึงความสามารถและศักยภาพของนักเตะที่มีโอกาสจะพัฒนาไปถึงระดับโลกได้ในอนาคต

 

สไตล์การเล่นเป็นแบบไหน ?

หลาย ๆ คนอาจจะสังเกตว่าทุกครั้งที่ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ลงสนาม เขามักจะเป็นกองกลางที่ยืนตำแหน่งค่อนข้างต่ำพอสมควร ทำให้แฟนบอลบางกลุ่มอาจจะคิดว่าเขาเป็นกองกลางประเภท Box to Box เน้นพละกำลังและตัดเกมได้พร้อมกับช่วยสนับสนุนเกมรุกไปด้วย

แต่ที่จริงแล้วสไตล์การเล่นของ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เป็นกองกลางประเภท Deep-lying Playmaker หมายถึงกองกลางที่ยืนอยู่ใกล้กับกองหลัง แต่หน้าที่หลักของเขาคือการออกบอลยาวจากแนวลึก เพื่อคอยสรรค์สร้างเกมรุก ควบคุมจังหวะครองบอล และช่วยแก้เพรสซิ่งจากคู่แข่ง 

แต่ตัวของ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ จำเป็นจะต้องมีคู่หูมาคอยช่วยเหลือในเรื่องของเกมรับถึงจะทำให้เขาโชว์ฟอร์มออกมาได้ดีที่สุด เหมือนกับสมัยที่เขาค้าแข้งอยู่กับเบนฟิก้าที่ ณ ตอนนั้นเขาจะลงเล่นเป็นกองกลางคู่กับ ฟลอเรนติโน่ หลุยส์ หรือในทีมชาติอาร์เจนตินาก็มีทั้ง อเล็กซิส แม็คอลิสเตอร์ และ โรดริโก้ เดอ ปอล ที่คอยสกัดกั้นเกมรุกจากคู่แข่ง

แม้ฟอร์มของ เอ็นโซ่ ในช่วงแรกกับ เชลซี ยังไม่ถึงกับโดดเด่นนัก แต่ด้วยวัยเพียง 22 ปี อนาคตที่สดใสกำลังรอเขาอยู่ หากแต่บางครั้งตัวทีมงานสตาฟโค้ช ตลอดจนสโมสรอาจต้องมีการเสริมทัพ ปรับแทคติก เพื่อเอื้อให้เขาสามารถโชว์ฟอร์มเก่ง และสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมให้โดดเด่น อันจะส่งผลต่อผลงานของทีมที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

 

บทความโดย : พงศทร อริยภูชัย

 

แหล่งอ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Enzo_Fern%C3%A1ndez#
https://www.usanetwork.com/usa-insider/who-is-enzo-fernandez-argentine-star-and-chelsea-target
https://www.chelseafc.com/en/news/article/enzo-fernandez-the-biography
https://www.transfermarkt.com/enzo-fernandez/leistungsdaten/spieler/648195
https://www.skysports.com/football/news/11668/12799395/enzo-fernandez-to-chelsea-blues-agree-premier-league-record-105m-transfer-deal-for-benfica-midfielder
https://www.sportingnews.com/in/soccer/news/enzo-fernandez-transfer-news-chelsea-benfica-fee-price/ynl7nwwnic1g4yp7zgmmkxzl

Author

Mainstand

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น