เช่นเดียวกับในปี 2019 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปีที่มีการร่วมมือกันจากทั้งสองวงการจนเกิดเป็นคอลเลกชั่นสินค้ามากมายให้ผู้บริโภคอย่างเราได้จับจ่ายเป็นเจ้าของ ดังนั้นในโอกาสที่ปีนี้กำลังจะผ่านไป Main Stand จะขอเลือก 10 คอลเลกชั่นที่เราคิดว่าน่าสนใจที่สุดมาให้ทุกคนได้ดู เพราะสารภาพตามตรงว่าแค่ปีนี้ปีเดียวก็มีการร่วมมือกันมากมายจนไม่อาจเขียนถึงได้หมด
10 คอลเลกชั่นนี้จะมีอะไรกันบ้าง ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand
ถึงแม้จะมีการจับมือร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2017 แต่ด้วยความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ทำให้ในปี 2019 นี้ ก็ไม่พลาดที่จะมีคอลเลกชั่นสินค้า Nike x Off-White™ ออกมาสร้างความเสียหายให้กับเงินในกระเป๋าของเหล่าแฟนคลับอีกครั้ง
Photo : www.carnivalbkk.com
โดยในปีนี้คอลเลกชั่นที่โดดเด่นจากไอเดียของ เวอร์จิล แอบโลห์ สุดยอดดีไซน์เนอร์สายสตรีทแห่งยุค และผู้บริหารแบรนด์ Off-White™ มีด้วยกันทั้งหมด 4 คอลเลกชั่น
คอลเลกชั่นแรกคือ Nike x Off-White™ Waffle Racer คอลเลกชั่นที่เกิดจากการหยิบเอา Waffle Racer โมเดลรองเท้าวิ่งที่เคยโด่งดัง มาดีไซน์ใหม่ด้วยการใช้วัสดุผ้าไนล่อน ห่อหุ้มด้วยวัสดุโปร่งแสง เสริมความพิเศษด้วย Lace Loops และ Flywire Cables ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าปีนเขา พร้อมตกแต่งรายละเอียดด้วย Zip-Tie, Stamp สีส้ม และลายสกรีนด้านข้างรองเท้า ความพิเศษอีกอย่างคือ พื้นแบบ Racing Spikes และเทคโนโลยี Memory foam ที่ทำให้การสัมผัสนุ่มยิ่งกว่าที่เคย โดย Nike x Off-White™ Waffle Racer เพิ่งวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมนี้เอง ในราคา 5,000 บาท
ต่อมาคือ Nike x Off-White™ Dunk Low โดยในคอลเลกชั่นนี้ เวอร์จิล แอบโลห์ ได้ปรับโฉมรองเท้าคู่โปรดแนวสตรีทด้วยการเพิ่มรายละเอียดในแบบฉบับตัวเขาเอง โดยมีการเสริมห่วงร้อยเชือกและเชือก Flywire เข้าไปเพื่อให้ได้ทรงแบบแน่นกระชับที่ได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าบูทเดินเขาลิ้นรองเท้าโฟมและรูปแบบตัวอักษร Helvetica ที่ข้างเท้าด้านในนั้นคือเอกลักษณ์ที่หาจากคอลเลกชั่นอื่นไม่ได้ ปิดท้ายอย่างสมบูรณ์ด้วยที่คาดซิปจากหนังแก้วที่เชือกรองเท้า โดย Nike x Off-White™ Dunk Low มีกำหนดวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ในราคา 6,100 บาท
Nike X Off-White™ Vapor Street เวอร์จิล แอบโลห์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Off-White™ ผนึกกำลังกับ Nike อีกครั้งเพื่อสานต่องานของพวกเขาร่วมกับเหล่าแชมป์ เวอร์จิล ใช้สไตล์และวัสดุที่ดีไซน์มาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาฝีมือทั้งในและนอกสนาม โดดเด่นด้วยรูปแบบและซิลลูเอทอันสะดุดตาที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อความเร็ว
แอบโลห์ยกย่องนักกีฬาที่กำลังพัฒนาฝีมือโดยนำประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของ Nike ในด้านกรีฑาประเภทลู่และลานมาใช้ในการร่วมงานครั้งนี้ Nike x Off-White™ Vapor Street รุ่นนี้จึงเป็นการนำลุครองเท้าวิ่งคู่โปรดมาเพิ่มพื้นตะปูสำหรับแข่งและดีไซน์สีให้สดใส พร้อมตกแต่งในแบบฉบับ แอบโลห์ เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ โดย Nike X Off-White™ Vapor Street วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2019 ในราคา 5,800 บาท
ปิดท้ายด้วยการเอาใจสาวๆ กันบ้างกับ Zoom Kiger 5 Athlete In Progress โดยในโมเดลนี้ เวอร์จิล แอบโลห์ ได้ยกย่องตำนานอันยิ่งใหญ่ในแวดวงการวิ่งของ Nike รวมถึงสดุดีต่อความมั่นใจที่ไม่มีวันพังทลายของเหล่านักวิ่งซึ่งเขาได้ซึมซับจากความงามและวิถีชีวิตของนักกรีฑา ทำให้การปรับโฉมใหม่ครั้งนี้เกิดเป็น Zoom Kiger 5 ที่โดดเด่นด้วยโลโก้ Swoosh ขนาดโอเวอร์ไซส์ ลิ้นรองเท้าที่ปรับแต่งโครงสร้างใหม่ พื้นตะปูยางที่ขยายจากพื้นรองเท้า และข้อความซิกเนเจอร์จาก Off-White™ โดย Zoom Kiger 5 Athlete In Progress วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2019 ในราคา 5,800 บาท
สองแบรนด์ยักษ์ใหญ่นี้มีการร่วมมือกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2002 เรียกได้ว่าเป็นพันธมิตรจากสองวงการที่มีความเหนียวแน่นกันมากๆ และในปี 2019 นี้ก็เป็นอีกหนึ่งปีที่พวกเขามาจับมือกันสร้างสรรค์คอลเลกชั่นเอาใจแฟนๆ
Photo : www.febshoe.com
โดยในปี 2019 Nike x Supreme มีทั้งคอลเลกชั่น Summer และ Fall สไตล์แตกต่างกันไปตามแต่ฤดูกาล โดยในช่วงหน้าร้อน Nike x Supreme มีการปล่อยสินค้าออกมาทั้งหมด 7 ชิ้น ซึ่งทุกชิ้นมีความน่าสนใจในตัวของมัน โดยเฉพาะ แจ็กเก็ตกีฬาไนลอนกันน้ำ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เหมือนหลุดมาจากยุค 90's โดยการออกแบบนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากแจ็กเก็ตกันลม Bootlegged Vintage Nike
ส่วนคอลเลกชั่นจากฤดูใบไม้ร่วงก็มีสินค้าอีกหลายชิ้นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเสื้อฮู้ดและกางเกมวอร์มที่คงเอกลักษณ์ Nike x Supreme ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนั้นยังมีแหวนทองคำ 14k ที่สลักสัญลักษณ์ Nike ไว้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าคอลเลกชั่นนี้มีรวมความสปอร์ตและหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
Nike x Supreme คอลเลกชั่น Summer 2019 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ส่วนคอลเลกชั่น Fall 2019 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
นี่คือการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างแบรนด์แฟชั่นสุดหรูจากอิตาลีกับแบรนด์กีฬาชั้นแนวหน้าจากเยอรมัน ในชื่อคอลเลกชั่น “Prada for adidas” โดยจับคู่รองเท้า adidas Superstar ซึ่งถือกำเนิดในฐานะรองเท้าบาสเกตบอลเมื่อปี 1969 ก่อนจะแปลงร่างเป็นรองเท้าสายสตรีทยอดนิยมทั่วโลกในทุกวันนี้ กับกระเป๋าโบว์ลิ่งของ Prada
Photo : www.marketingoops.com
ทั้งสองไอเทมมาในสีขาวสะอาดตา ประทับโลโก้สีดำของทั้งสองแบรนด์เอาไว้ ที่พิเศษคือ ทั้งรองเท้าและกระเป๋าจะผลิตในประเทศอิตาลี โดยโรงงานของ Prada มีเพียง 700 ชุดเท่านั้น ซึ่งมีการปั๊มซีเรียลนัมเบอร์เอาไว้ด้วย
คอลเลคชั่นนี้ได้วางจำหน่ายบนเว็บไซต์ adidas และ Prada รวมถึงในช็อป Prada บางสาขา ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม เป็นต้นมา และสนนราคาก็สมกับความลิมิเต็ดจริงๆ เพราะทั้งสองไอเทม ขายเป็นชุดเข้าคู่อยู่ที่ 3,170 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 95,000 บาท
การร่วมมือกันครั้งนี้ของ Sacai แบรนด์ไฮแฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่น กับ Nike แบรนด์กีฬาระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา “จิโทเสะ อาเบะ” ดีไซน์เนอร์จาก Sacai ได้จับเอารองเท้ารุ่นไอคอน 2 คู่จาก Nike มารวมเข้าด้วยกันในดีไซน์ธีมคู่แบบไฮบริด โดยมีการจับคู่ผสานกันที่น่าสนใจเช่น Nike LDV เข้ากับ Waffle Racer, และ Waffle Daybreak เข้ากับ LDV โดดเด่นด้วยลิ้นรองเท้า เชือกรองเท้า และ Swoosh ในแบบคูณ 2 พร้อมด้วยโลโก้แบรนด์ร่วม Nike x sacai ที่แถบที่ส้น
Photo : www.sneakerfreaker.com
อีกหนึ่งโมเดลที่น่าสนใจของ Nike X Sacai ในปี 2019 คือ Sacai x Nike Blazer โมเดลรองเท้าระดับไอค่อนของทาง Nike ที่ถูกจับมารวมเข้าด้วยกันในดีไซน์ธีมคู่แบบไฮบริด ผสาน Nike Dunk เข้ากับ Blazer โดดเด่นด้วยลิ้นรองเท้า เชือกรองเท้า และ Swoosh ในแบบคูณ 2 พร้อมด้วยโลโก้แบรนด์ร่วม Nike x sacai ที่แถบที่ส้น
Nike X Sacai LDWAFFLE วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2019 ในราคา 5,800 บาท ส่วน Sacai x Nike Blazer วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 20 ตุลาคม 2019 ในราคา 5,200 บาท
นี่คือการร่วมมือกันที่น่าสนใจ เพราะฝั่งหนึ่งคือ PUMA แบรนด์กีฬาสัญชาติเยอรมันที่มีภาพลักษณ์จริงจัง ส่วนอีกฝั่งคือ Chinatown Market แบรนด์เสื้อผ้าแนวสตรีทสุดกวน โดดเด่นด้วยสีสันฉูดฉาด
Photo : www.depop.com
“ไมเคิล เชอร์แมน” ดีไซน์เนอร์ผู้รับหน้าที่ออกแบบคอลเลกชั่นดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจจากการเอาลวดลาย Checkerboard สีสันต่างๆ และโลโก้แบรนด์ Chinatown Market มาสร้างสีสันบนไอเทมต่างๆ ทั้งรองเท้ารุ่น Suede สุดคลาสสิก ที่มีความพิเศษคือสามารถเปลี่ยนลาย Puma Stripe ได้ตามต้องการ และเสื้อผ้า LS Tee, เสื้อยืด และ หมวกแก๊ป
PUMA x Chinatown Market วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม โดยสนนราคานั้นไล่ตั้งแต่ หมวก 1,299 บาท เสื้อยืดแขนสั้น 1,499 บาท เสื้อยืดแขนสั้น 1,499 บาท เสื้อยืดแขนยาว 2,999 บาท กางเกงขาสั้น 2,499 บาท และรองเท้า 4,499 บาท
ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในวงการฟุตบอล เมื่อ ยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่จากเมืองตูริน ประเทศอิตาลี ที่มี adidas เป็นสปอนเซอร์ชุดแข่ง ได้เพิ่มความสนใจในชุดของพวกเขามากขึ้นด้วยการร่วมมือกับ Palace Skateboards แบรนด์แฟชั่นสเก็ตบอร์ดจากลอนดอน
Photo : www.juventus.com
คอลเลกชั่นดังกล่าวยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสโมสรยูเวนตุสไว้อย่างชัดเจนด้วยลวดลายขาว-ดำ แนวตั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีการเติมแต่งความขี้เล่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Palace เข้าไปด้วย ในส่วนของสีนีออนเขียวและส้ม ดีเทลที่ปลายแขนเป็นสีนีออนเดียวกัน ตัดกับเบสสีพื้นของเสื้อ
คอลเลคชั่น Juventus x Palace x adidas Football วางจำหน่ายวันที่ 8 พฤศจิกายน ในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ตามด้วยการเปิดตัววันที่ 9 พฤศจิกายน ในญี่ปุ่น และจีน ในราคา 180-200 ยูโร หรือประมาณ 6,000-6,700 บาท ตามแต่ว่าจะมีการสกรีนเบอร์นักเตะหรือไม่ และไม่ต้องสงสัย ... หมดสต็อกในเวลาอันรวดเร็วสุดๆ
Kinfolk อาจจะไม่ใช่แบรนด์แฟชั่นโดยตรง แต่มันคือชื่อของนิตยสารไลฟ์สไตล์ที่หลายคนให้คำนิยามมันว่า “คัมภีร์ของฮิปสเตอร์” ดังนั้นเมื่อมาจับมือร่วมกับ Umbro แบรนด์กีฬาเก่าแก่สัญชาติอังกฤษ จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย
Photo : hypebeast.com
คอลเลกชั่น Umbro x Kinfolk ในครั้งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมแฟชั่นของเยาวชนในเมือง ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ที่สะท้อนผ่านเลนส์ของช่างภาพอย่าง ริคาร์โด เบลี่ย์
คอลเลกชั่น Umbro x Kinfolk มีสินค้าหลากหลายประเภททั้ง เสื้อยืด, เสื้อแจ็คเก็ต, หมวก, รวมถึงถุงเท้าและมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 25 กรกฎาคมปี 2019 ที่ผ่านมา สนนราคาตั้งแต่ 45-195 ยูโร หรือประมาณ 1,500-6,500 บาท
การร่วมมือกันที่เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว เพราะนี่คือคอลเลกชั่นสุดท้ายที่ได้จับมือทำงานร่วมกับแบรนด์กีฬา “คาร์ล ลาเกอร์เฟล” สุดยอดดีไซนเนอร์ระดับตำนานผู้ล่วงลับ โดยเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ ชาเนล
Photo : www.kixify.com
PUMA x Karl Lagerfeld ในครั้งนี้ได้หยิบยกรองเท้าโมเดล Cali มาออกแบบใหม่ ให้ดูพรีเมียมมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงมีกลิ่นอายของรองเท้ากีฬา ในส่วนของ Upper มาพร้อมกับผ้า Mesh ที่มีความยืดหยุ่นสูง เสริมความพิเศษด้วยหนังแท้และวัสดุแบบยางตรงหัวรองเท้าเพื่อเพิ่มความทนทาน นอกจากนั้นยังมีเอกลักษณ์ตรงซิปที่ถูกเพิ่มมาด้านข้าง ลิ้นรองเท้ามีโลโก้ของ PUMA และ Karl Lagerfeld ความพิเศษท้ายสุดคือโลโก้ Karl ขนาดใหญ่บริเวณส้น
PUMA x Karl Lagerfeld “Cali” วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา ในราคา 5,500 บาท โดยในปัจจุบันราคารีเซลล์พุงสูงขึ้นกว่าเดิมไปอีกประมาณ 2,000 บาท
เรียกว่าออกจากกรมกองมาได้ไม่นานก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการแฟชั่นสายสตรีทได้ทันทีสำหรับ “จี-ดรากอน” แห่งวง BIGBANG เพราะเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเขาเพิ่งประกาศการจับมือร่วมกันระหว่าง Peaceminusone แบรนด์แฟชั่นของเขาเองกับ Nike แบรนด์อุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่ เพื่อรังสรรค์รองเท้าโมเดล Air Force 1 ให้แตกต่างไปจากที่เคย
Photo : venerate.eu
Peaceminusone คือแบรนด์แฟชั่นสายสตรีทที่โดดเด่นในการใช้สัญลักษ์ของแบรนด์อย่างดอกเดซีที่มีกลีบดอกไม้หลุดหนึ่งกลีบ ดังนั้น Nike X Peaceminusone Air Force 1 คู่นี้จึงเป็นการนำรองเท้ารุ่นคลาสสิค มาเพิ่มเสน่ห์ในแบบของ Peaceminusone โดยการปักดอกเดซีที่บริเวณลิ้นรองเท้า ขัดแต่งพื้นรองเท้าให้เหมือนผ่านการใช้งานมา นอกจากนั้นอีกสิ่งที่น่าสนใจคือการออกแบบกล่องที่เป็นลายกราฟิตี้ ราวกับว่าเมื่อเปิดกล่องออกมาจะเจอกับทุ่งดอกเดซี่ขนาดย่อมๆ
Nike X Peaceminusone Air Force 1 วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2019 ในราคา 200 เหรียญหรือประมาณ 6,000 บาท ในส่วนของราคารีเซลล์ปัจจุบันพุ่งขึ้นไปที่ประมาณ 300-400 เหรียญ หรือประมาณ 9,000 - 12,000 บาท
ถึงจะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปี 2019 แต่ก็มีข่าวพร้อมรูปตัวอย่างออกมาแล้วสำหรับอีกหนึ่งการจับมือร่วมงานที่หลายคนเฝ้ารออย่าง Air Jordan x Dior
Photo : sneakernews.com
การจับมือครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อสร้างสรรค์รองเท้าในโมเดล Air Jordan 1 High OG ซึ่งถือเป็นรุ่นคลาสสิคตลอดกาลให้กลายเป็น Air Jordan 1 x Dior ที่มีความทันสมัยมากกว่าเดิม
หลังจากเปิดตัวไปอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Dior Men Pre-Fall 2020 ก็มีการปล่อยรูปและรายละเอียดออกมาให้แฟ ๆ ที่รอคอยอยู่ได้รับทราบกันแล้ว โดยความพิเศษของ Air Jordan 1 x Dior คือการผลิตในประเทศอิตาลี โดยใช้หนังเกรดเดียวกับที่ผลิตกระเป๋า Dior มาพร้อมกับสีเทาอ่อนซึ่งถือเป็นสีประจำแบรนด์ Dior นอกจากนั้นก็จะมีสัญลักษณ์ “Air Dior” ประดับไว้ตามจุดต่าง ๆ ของตัวรองเท้า
จากข้อมูลที่ได้รับมา Air Jordan 1 x Dior จะวางขายครั้งแรกทั่วโลกในเดือนเมษายนปี 2020 โดยมีจำนวนจำกัดแค่ 1,000 คู่เท่านั้น มาพร้อมราคาที่อาจสูงถึง 2,000 เหรียญ หรือประมาณ 60,000 บาท เลยทีเดียว ดังนั้นในส่วนของราคารีเซลล์รับประกันได้เลยว่าสูงทะลุหลักแสนบาทแน่นอน
นี่คือบางส่วนของการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์กีฬาและแบรนด์แฟชั่นในปี 2019 ส่วนในปี 2020 ที่จะถึงนี้จะมีการร่วมมือกันสร้างสรรค์สินค้าแบบไหนออกมาอีกบ้าง จะสวยโดนใจจนเงินในกระเป๋าสั่นแค่ไหน รอติดตามข่าวสารได้ที่ Main Stand