เรื่องเกิดขึ้นในวันที่ 31 ธันวาคม 2020 แข้งชาวนอร์เวย์รายนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีหลังจากพลุในมือของเขาระเบิดใส่หน้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเกือบสูญเสียการมองเห็นถาวร
"ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในตาและต้องล้างมันออก แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าใบหน้าไหม้เกรียมและทุกอย่างก็ดำมืด วันแรกหลังอุบัติเหตุผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทุกอย่างมืดมิด ผมไม่รู้ว่าเป็นเวลากลางคืนหรือกลางวัน" โอมาร์ เผยกับ The Guardian
หลังรับการรักษาเบื้องต้นในตุรกี โอมาร์ ได้เดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาล Cincinnati Eye Institute ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่า เขามีโอกาสเพียง 5-10% เท่านั้นที่จะกลับมามองเห็นอีกครั้ง ซึ่งทำให้เขาอาจต้องแขวนสตั๊ดในอายุแค่ 29 ปี
แต่ โอมาร์ ไม่ยอมแพ้ เขาเข้ารับการผ่าตัดดวงตา 11 ครั้งในสหรัฐอเมริกา รวมถึงได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ตาจากน้องสาวของเขา จนเริ่มกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ในที่สุด สิ่งที่รอคอยมานานถึง 423 วันก็จบลง เมื่อเขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมลีกที่ต้นสังกัด กาลาตาซาราย บุกไปชนะ ก็อซเทเป้ 3-2 เมื่อวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ซึ่งการกลับมาลงสนามในรอบ 14 เดือนครั้งนี้ โอมาร์ ยังได้เล่นเต็ม 90 นาทือีกด้วย ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับ beIN Sports หลังเกมด้วยอาการที่ปลื้มปริ่มว่า
"ผมขอขอบคุณครอบครัว ผู้จัดการทีม ลูก ๆ และ โค้ช ที่ช่วยผม ผมผ่านกระบวนการที่ยากลำบาก มันเป็นอาการบาดเจ็บที่ยาก ผมต้องดิ้นรนมาก ผมกลับมาลงสนามและทำในสิ่งที่รักมากที่สุด ความฝันของผมเป็นจริงเป็นครั้งที่สอง ผมรู้สึกเหมือนได้เริ่มเล่นฟุตบอลเป็นครั้งที่สองในชีวิต"
ทั้งนี้ ในบทสัมภาษณ์กับ The Guardian โอมาร์ ได้เผยถึงวิธีการรักษาตัวหลังกลับมามองเห็นได้ ว่า "ผมต้องคอยตรวจสอบอยู่เสมอว่ายังเห็นแสงอยู่หรือไม่เพราะผมกลัวว่าจะสูญเสียมันไปอีก ผมต้องใช้ยาหยอดตาทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ยกเว้นตอนที่ออกกำลังกาย แต่ผมก็ยังสามารถทำสิ่งที่รักได้ นั่นคือเล่นฟุตบอล"
ที่มา :
https://www.theguardian.com/.../omar-elabdellaoui-road...
https://www.skysports.com/.../omar-elabdellaoui-former...
https://www.goal.com/.../galatasaray.../blteb948415f903db83