การตัดสินใจขึ้นชกมวยไทยถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิต จากฝันว่าจะประสบความสำเร็จในเชิงศิลปะการแสดงซึ่งเป็นพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก กลับกลายเป็นว่าเธอประสบความสำเร็จในแวดวงศิลปะการต่อสู้อย่างกีฬามวยไทยไปเป็นที่เรียบร้อย
และต่อไปนี้คือเรื่องราวของสาวน้อยผู้ใช้ความสามารถในเชิงนาฏศิลป์มาประยุกต์เข้ากับกีฬามวยไทยได้อย่างกลมกล่อมและลงตัว จนได้รับพิจารณาให้คว้ารางวัลนักมวยไทยสมัครเล่นหญิงดีเด่น งานเชิดชูเกียรติ วันมวยไทยแห่งชาติ ประจำปี 2563
ซึ่งเป็นรางวัลที่เธอภาคภูมิใจ และเชื่อว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ ผู้หญิงในชุมชนคลองเตยหันหน้าเข้าหามวยไทย
จุฬารัตน์ กระแสขันธ์ หรือ น้องโฟกัส ในวัย 19 ปี เธอเกิดและเติบโตในชุมชนคลองเตย บริเวณล็อก 3 อาศัยอยู่กับคุณแม่จิราภา กระแสขันธ์ ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป
ด้วยความที่ครอบครัวมีฐานะปานกลาง โฟกัส จึงพยายามฝึกรำไทยและร้องเพลงเพื่อเข้าประกวด หวังหารายได้มาช่วยแบ่งเบาภาระมารดา
โฟกัส เคยประกวดร้องเพลงจนได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 ขณะที่การฝึกนาฏศิลป์ก็กำลังไปได้สวย แต่เนื่องด้วยทุนรอนในการส่งตัวเองเรียนศิลปะการแสดงทั้งสองประเภทมีจำกัด
จุฬารัตน์ กระแสขันธ์ จึงตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการเบนเข็มมาหัดมวยไทย เพราะเห็นว่าไม่ต้องลงทุนอะไร เนื่องจากในชุมชนมีลานกีฬาให้หัดมวยฟรีอยู่แล้ว
ยิ่งมีพ่อเป็นนักมวยเก่า ประกอบกับสถานที่ฝึกในเวลานั้นมีนักมวยหญิงชื่อดังอย่าง ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ มาซ้อมอยู่ด้วย เธอจึงไม่ลังเลที่จะหัดมวย โดยมี ชมมณี ผู้เป็นไอดอลคอยช่วยสอนและลงนวมให้
หลังจากฝึกอยู่เดือนเศษ เธอก็ได้ขึ้นสังเวียนในชื่อ โฟกัส ส.เต๊ะหิรัญ ประเดิมสังเวียนไฟต์แรกด้วยชัยชนะ และปิดท้ายด้วยการคว้าแชมป์มวยหญิงรุ่น 37 กิโลกรัมมาครอง ก่อนถูกเรียกตัวเข้าแคมป์คัดเลือกเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในกีฬามวยไทยสมัครเล่น
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอคว้ารางวัลอันทรงเกียรติ จากงานเชิดชูเกียรติ เนื่องในวันมวยไทยแห่งชาติ ประจำปี 2563 ในสาขา นักมวยไทยสมัครเล่นหญิงดีเด่น
จุฬารัตน์ เป็นมวยฝีมือออกอาวุธคล่องแคล่วว่องไว นั่นเป็นผลพวงมาจากการฝึกนาฏศิลป์ไทยมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมทำให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นที่ดี ขณะเดียวกันก็เป็นมวยใจสู้ไม่ย่อท้อ เพราะเจ้าตัวมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะใช้มวยไทยยกระดับฐานะความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
บวกกับมีสายเลือดนักมวยอยู่ในตัว โดยตอนเด็ก ๆ ที่บ้านมักจะพาไปดูพ่อขึ้นชกอยู่บ่อย ๆ จนซึมซับและชอบกีฬามวยโดยไม่รู้ตัว
“น้องมีความตั้งใจมากค่ะ และการที่เซี้ยะ (ชมมณี) มาซ้อมร่วมกับน้องในช่วงนั้น ทำให้น้องเกิดแรงบันดาลใจ น้องบอกว่าอยากชกมวยเก่งและสวยเหมือนพี่เซี้ยะ ฟังแล้วก็ปลื้มสิคะ”
“เซี้ยะเลยถ่ายทอดวิชาให้น้องจนหมดตัวจนน้องประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ” ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ อดีตยอดมวยหญิงและอดีตนักชกมวยไทยสมัครเล่นหญิงทีมชาติไทย กล่าวถึง จุฬารัตน์ กระแสขันธ์
ช่วงเดินสายประกวดร้องเพลง คุณแม่และคนในชุมชนพากันคิดว่า สักวันหนึ่ง จุฬารัตน์ กระแสขันธ์ อาจจะได้เป็นนักร้องอาชีพสมใจ เพราะเป็นคนหน้าตาดีแถมน้ำเสียงยังดีอีกด้วย
แต่ จุฬารัตน์ ก็รู้ตัวเองดีว่า การจะเป็นนักร้องอาชีพหรือนางรำมีชื่อต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง จึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางมาชกมวยไทยเพราะความพร้อมที่มีมากกว่า
ขณะที่สตาฟผู้ฝึกสอนก็เห็นว่า เธอไหว้ครูสวย บวกกับหน้าตาดีและเคยเรียนนาฏศิลป์มาด้วย จึงเปลี่ยนสไตล์ให้ จุฬารัตน์ กระแสขันธ์ ลงแข่งขันในประเภทร่ายรำ ควบคู่ไปกับการเอาดีในเส้นทางนักมวยไทยสมัครเล่น
“ภูมิใจและดีใจมากค่ะ ถึงหนูจะชกมวยไทยมาไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งที่ขึ้นเวที หนูบอกกับตัวเองว่าจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
“ก่อนหน้านั้นหนูได้รางวัลต่างๆกลับบ้านมา ครอบครัวและคนในชุมชนคลองเตย มาร่วมกันแสงความยินดีแล้วก็แยกย้าย แต่ครั้งนี้ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หนูคือความภาคภูมิใจของคนคลองเตย ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ”
“หนูว่าการได้รางวัลครั้งนี้ว่ายากแล้ว การรักษามาตรฐานตัวเองและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นถือว่ายากยิ่งกว่า รางวัลที่ได้รับจะเป็นแรงผลักดันให้หนูทำผลงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ”
“มวยไทยให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับหนู หนูเป็นหนี้วงการมวยจนไม่รู้ว่าจะตอบแทนได้หมดหรือไม่ สิ่งเดียวที่หนูจะทำเพื่อกีฬามวยไทยได้ก็คือ ชกสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และเป็นแบบอย่างให้เด็กรุ่นใหม่หันมาสนใจมวยไทย”
“ผู้หญิงสมัยนี้หัดมวยไทยไม่ใช่เรื่องแปลก ถือเป็นการออกกำลังกายทางหนึ่ง หรือใครจะฝึกมวยเพื่อขึ้นชกก็ทำได้ วงการมวยยุคนี้เปิดกว้างให้ผู้หญิงขึ้นชกได้อย่างเสรี นักมวยหญิงที่ชกมวยจนประสบความสำเร็จมีให้เห็นมากมาย หนูเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า กีฬามวยไทยจะได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ”